WebSiteนี้ มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ ดังนี้ครับ 1.เพื่อใช้สำหรับเก็บรวบรวมความรู้ในด้านต่าง ๆ 2.เพื่อใช้เป็นเสมือนคลังข้อมูล ในการจัดการความรู้ KM
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554
link ความรู้เกี่ยวกับการจัดสร้างเว็บไซต์ด้วย cms หรือ joomla
สอนทำเว็บด้วย Joomla | ClickDesign.cc
www.clickdesign.ccคุณ +1 รายการนี้สู่สาธารณะ เลิกทำเรียนตัวต่อตัว หรือกลุ่มย่อย ถูกสุด เป็นกันเอง เข้าใจง่าย ใช้เป็นแน่นอน
ผลการค้นหา
- คุณไปที่หน้าเว็บนี้เมื่อ 9/8/2554
การสร้างเว็บไซต์องค์กรด้วย CMS Joomla
www.krupornchai.net/web2011/index.php?...joomla... - แคช11 มี.ค. 2011 – ในหลักสูตรนี้ผู้เรียนจะได้รับความรู้ขั้นพื้นฐานในการสร้างเว็บไซต์ด้วย ... ทำเว็บ ผู้บริหารที่ต้องการเรียนรู้ขั้นตอนการทำเว็บด้วย Joomla ...- [PDF]
การสร้างเว็บไซต์อย่างง่ายได้ด้วยตนเอง (Joomla)
61.19.198.139/html/download/Joomla.pdfรูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - มุมมองด่วน
วิทยากรจากศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารและการพัฒนา มสธ. ... ต้องมีทักษะในการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Internet) เป็นอยางดี่ ... 1.1 การสร้างเว็บไซต์ด้วยโปรแกรม Joomla..................................................................... ... รวมวิธีการใช้ Wordpress, Joomla, Drupal, Magento และ SEO | Joomla
ได้มุ่งเน้นเพื่อใช้ในการพัฒนา Coporate Website ... ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านโปรแกรมเช่น HTML ในการอัพเดทเว็บ เพราะ Joomla! มี editor ออนไลน์ เช่น WYSIWYG editor ไว้เพื่อการจัดรูปแบบข้อความตัวอักษร (Text) และรูปภาพ ... การทำ url ให้ อ่านง่ายบน joomla เพื่อ SEO · วิธีปรับแต่งหน้าแรกของ Joomla ...
วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ขั้นตอนการนำอภิปราย
ส่วนนี้จะประกอบด้วยขั้นตอนอีก ดังนี้
บอกชื่อเรื่อง
บอกวัตถุประสงค์
บอกประโยชน์ทางอ้อม
เสริมแรง
บอกแนวทางการเรียนรู้ในวันนี้
บอกหัวข้อ (เน้นสาระสำคัญ)
เกริ่น เชื่อมโยง หัวข้อที่ทำการอภิปราย หัวข้อแรก
หัวข้อที่ 1 ใช้คำถามนำ (เช่นลงท้ายคำถามว่า อย่างไร)
ฝึกใช้คำถามผ่าน และคำถามหลาย ๆ แบบ
ตาม 2
จบหัวข้อ
สรุปหัวข้อย่อย
เกริ่น เชื่อมโยง
หัวข้อที่ 2 ใช้ถามนำ 1 และ คำถามตาม 2
จบหัวข้อ
สรุปหัวข้อย่อย
เกริ่น เชื่อมโยง
สรุปเรื่องที่ทำการอภิปราย (เน้นสารสำคัญ ของแต่ละหัวข้อ)
เน้น การเก็บประเด็นต้องเอามาพูดทั้งหมด ไม่ต้องกำหนดรายชื่อ (เนื่องจากจะเยิ่นเย้อจนเกินไป)
ต้องควบคุมชั้นเรียนให้ได้
บอกประโยชน์ทางตรง
บอกประโยชน์ทางอ้อม
บอกแนวทางการศึกษาเพิ่มเติม
เสริมแรง
เกริ่นนำ
จบด้วย บทกลอน หรือ คำคมต่าง ๆ
ตามด้วย สวัสดี
วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ขั้นตอนการเขียนแผนการสอนสาธิตปฏิบัติ
1.1 ดาวโหลดโปรแกรม จากเว็บไซต์ http://th.wordpress.org/
1.2 ดาวโหลดโปรแกรม เว็บเซอร์เวอร์ จาก
ดาวน์โหลด AppServ 2.5.10 & Wordpress 3.0.3 Thai และ Theme
ดาวน์โหลด : http://www.dmcr.go.th/download/software/appserv-win32-2.5.10.exe
Wordpress Thai 2.9.1
ดาวน์โหลด : http://www.dmcr.go.th/download/software/wordpress-2.9.1-th.zip
Wordpress Thai 2.9.2
ดาวน์โหลด : http://www.dmcr.go.th/download/software/wordpress-2.9.2-th.zip
Wordpress Thai 3.0.3
ดาวน์โหลด : http://www.dmcr.go.th/download/software/wordpress-3.0.3-th.zip
Theme for WordPress Thai
ดาวน์โหลด : http://www.dmcr.go.th/download/software/theme_.rar
แผนการสอนแบบสาธิตปฏิบัติ
วิธีสอนแบบสาธิต ( Demonstration Method )
ความหมาย
หมายถึงวิธีสอนที่ครูมีหน้าที่ในการวางแผนการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่ โดยมีการแสดงหรือการกระทำให้ดูเป็นตัวอย่าง นักเรียนจะเกิดการเรียนรู้จากการสังเกต การฟัง การกระทำ หรือการแสดง และอาจเปิดโอกาสให้นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วมบ้าง
ความมุ่งหมาย
1. เพื่อกระตุ้นความสนใจให้นักเรียนมีความสนใจในบทเรียนยิ่งขึ้น
2. เพื่อช่วยในการอธิบายเนื้อหาที่ยาก ซึ่งต้องใช้เวลามาก ให้เข้าใจง่ายขึ้น และประหยัดเวลา บางเนื้อหาอาจจะอธิบายให้นักเรียนเข้าใจได้ยาก การสาธิตจะทำให้นักเรียนได้เห็นขั้นตอนและเกิดความเข้าใจง่าย
3. เพื่อพัฒนาการฟังการสังเกตและการสรุปทำความเข้าใจในการสอน โดยใช้วิธีสาธิต นักเรียนจะฟังคำอธิบายควบคู่ไปด้วย และต้องสังเกตขั้นตอนต่าง ๆ ตลอดจนผลที่ได้จากการสาธิตแล้วจึงสรุปผลของการสาธิต
4. เพื่อแสดงวิธีการหรือกลวิธีในการปฏิบัติงาน ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด เช่น การทำกิจกรรมในวิชาคหกรรม ศิลป ฯลฯ
5. เพื่อสรุปประเมินผลความเข้าใจในบทเรียน
6. เพื่อใช้ทบทวนผลความเข้าใจในบทเรียน
ขั้นตอนในการสอน
1. กำหนดจุดมุ่งหมายของการสาธิตให้ชัดเจน และต้องสาธิตให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง
2. เตรียมอุปกรณ์ในการสาธิตให้พร้อม และตรวจสอบความสมบูรณ์ของอุปกรณ์
3. เตรียมกระบวนการสาธิต เช่น กำหนดเวลาและขั้นตอน จะเริ่มต้นดำเนินการและจบลงอย่างไร ผู้สาธิตต้องเข้าใจในขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง
4. ทดลองสาธิตก่อนสอน ควรทดลองสาธิตเพื่อตรวจสอบความพร้อมตลอดจนผลที่จะเกิดขึ้น เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในเวลาสอน
5. ต้องจัดทำคู่มือคำแนะนำหรือข้อสังเกตในการสาธิต เพื่อที่นักเรียนจะใช้ประกอบในขณะที่มีการสาธิต
6. เมื่อสาธิตเสร็จสิ้นแล้ว นักเรียนควรได้ทำการสาธิตซ้ำอีก เพื่อเน้นให้เกิดความเข้าใจดีขึ้น
7. จัดเตรียมกิจกรรมหลังจากการสาธิตเพื่อให้นักเรียนเห็นคุณค่าหรือประโยชน์ของการสาธิตนั้น ๆ
8. ประเมินผลการสาธิต โดยพิจารณาจากพฤติกรรมของนักเรียนและผลของการเรียนรู้ การประเมินผลควรมีกิจกรรมหรือเครื่องมือ เช่น การทดสอบ การให้แสดงความคิดเห็นหรือการอภิปรายประกอบ
ที่มา
http://www.arts.ac.th
รูปแบบการสอนแบบ Direct Instruction โดยวิธีการสอนแบบการสาธิต (Demonstration Method)
รูปแบบการสอนแบบ Direct Instruction
การสอนแบบ Direct Instruction เป็นการสอนที่มุ่งช่วยให้ได้เรียนรู้ทั้งเนื้อหา สาระ และมโนทัศน์ต่างๆ รวมทั้งได้ฝึกปฏิบัติทักษะต่างๆจนสามารถทำได้ดีและประสบผลสำเร็จได้ในเวลาที่จำกัด Joyce และ Weil (1992) ได้เสนอรูปแบบการสอนของ Direct Instruction ไว้ 5 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 : ขั้นนำ
ผู้สอนแจ้งวัตถุประสงค์ของบทเรียน และพฤติกรรมการเรียนรู้ที่คาดหวังแก่ผู้เรียน ชี้แจงสาระของบทเรียน และความสัมพันธ์กับความรู้และประสบการณ์เดิมของผู้เรียนอย่างคร่าวๆ และชี้แจงกระบวนการเรียนรู้และหน้าที่รับผิดชอบของผู้เรียน
ขั้นที่ 2 : ขั้นนำเสนอบทเรียน
ผู้สอนอธิบายหรือสาธิตเนื้อหาหรือทักษะใหม่ โดยใช้สื่อและกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติ
ประกอบพร้อมกับตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน
ขั้นที่ 3 : ขั้นฝึกปฏิบัติตามแบบ
ผู้สอนปฏิบัติให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติตาม ผู้สอนให้ข้อมูลย้อนกลับ และเสริมแรงเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของผู้เรียน
ขั้นที่ 4 : ขั้นฝึกปฏิบัติภายใต้การกำกับของผู้ชี้แนะ
ผู้เรียนลงมือปฏิบัติภายใต้การกำกับดูแลของผู้สอน ซึ่งต้องให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียน โดยใช้การชมเชยและบอกให้แก้ไขสิ่งที่ผิด โดยบอกว่าทำผิดหรือถูกและแก้ไขอย่างไรหรืออาจสอนหรืออธิบายใหม่
ขั้นที่ 5 : ขั้นฝึกปฏิบัติอย่างอิสระ
ผู้เรียนฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อช่วยให้เกิดความชำนาญ มีการให้ข้อมูลย้อนกลับภายหลังการฝึก และควรให้มีการฝึกเป็นระยะเพื่อช่วยให้การเรียนรู้อยู่คงทน
แหล่งอ้างอิง
กิ่งฟ้า สินธุวงษ์และสันติ วิจักขณาลัญจ์ (2545). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา. ใน
ไพศาล สุวรรณน้อย คู่มือการพัฒนาการเรียนการสอน ฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ขอนแก่น : โรงพิมพ์คลังนานาธรรมวิทยา, หน้า 40-66.
กิ่งฟ้า สินธุวงษ์. (2546). เอกสารประกอบการอบรมสัมมนาอาจารย์ใหม่ เรื่อง การจัดการเรียนการสอน. เผยแพร่ทางvdo.kku.ac.th/mediacenter/mediacenter-uploads/libs/html/
1043/kingfa005.pdf
ทิศนา แขมณี. (2551).ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดการกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิธีการสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration Method)
เป็นวิธีสอนที่ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ใกล้เคียงกับประสบการณ์ตรงมากที่สุด ซึ่งเป็นการสอนที่ผู้สอนแสดงให้ดูหรือผู้เรียนมีโอกาสได้กระทำด้วยตนเอง ทำให้การเรียนบรรลุวัตถุประสงค์และตรงกับแนวคิดของกรวยประสบการณ์ที่ เอดก้า เดล ได้กล่าวไว้
ขั้นตอนการสอน
1. ผู้สอนแสดงการสาธิต ผู้เรียนสังเกตการสาธิต
2. ผู้สอนและผู้เรียนอภิปรายและสรุปการเรียนรู้ที่ได้จากการสาธิต
3. ผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
เทคนิคการสอนด้วยวิธีสาธิต
ก่อนการสาธิต มีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้
1 การกำหนดวัตถุประสงค์ ของการสาธิตให้ชัดเจนว่าการสาธิตนั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไรการสาธิตบางอย่างเป็นการสาธิตกระบวนการเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจกระบวนการ ขั้นตอน เช่น การสาธิตการใส่สายสวนปัสสาวะ
2 การเตรียมการ ผู้สอนต้องเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ในการสาธิต เตรียมขั้นตอนการสาธิตซึ่งวิธีการเตรียมที่ถูกต้องคือ ต้องลองสาธิตดูก่อน เป็นการตรวจสอบว่าขั้นตอนเหล่านั้นถูกต้องหรือไม่ หากเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นก็มีโอกาสแก้ไขได้ก่อน
ขณะทำการสาธิต
ผู้สอนควรอธิบายหรือบรรยายให้ผู้เรียนเข้าใจวัตถุประสงค์ของการสาธิต หลังจากนั้นจึงนำเข้าสู่การสาธิต โดยการอธิบายให้ฟังหรือใช้สื่อต่าง ๆ อาจจะเป็นสไลด์ประกอบคำบรรยายหรือวีดิทัศน์ หรือวิธีการที่ผู้สอนทั่วไปใช้คือ การให้ผู้เรียนได้ศึกษามาก่อน โดยให้ไปอ่านเอกสาร หนังสือ หรือค้นคว้าเรื่องราวที่สาธิตนั้นก่อน ก็จะทำให้การสาธิตดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและผู้เรียนเข้าใจได้ชัดเจน
ในขณะสาธิตผู้สอนต้องดำเนินการสาธิตไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ อาจจะสลับด้วยการบรรยายแล้วสาธิต วิธีที่จะทำให้บรรยากาศการสาธิตเป็นไปด้วยความตื่นเต้น ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการสาธิตตลอดเวลา อาจจะเป็นการถามนำ กระตุ้น หรือให้ผู้เรียนช่วยสาธิตเรื่องราวบางเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนหรือมีขั้นตอนยุ่งยาก ผู้สาธิตก็ต้องสาธิตหลาย ๆ ครั้ง หรือให้ผู้เรียนทำตามไปด้วยเป็นขั้น ๆ ผู้สอนจะต้องชี้แนะหรือเน้นย้ำในส่วนที่สำคัญตลอดเวลา ดังนั้นการวางแผนสาธิตจำเป็นต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
ภายหลังการสาธิต
เมื่อการสาธิตจบลงแล้ว การย้ำเน้นเรื่องราวที่สาธิต ไม่ว่าจะเป็นการสาธิตกระบวนการหรือสาธิตผู้สอนก็ต้องให้มีการสรุป ทั้งนี้ผู้ดูหรือผู้เรียนเป็นผู้สรุปเอง โดยมีการอภิปรายแลกเปลี่ยนกัน หรือบางครั้งการจัดอาจจะจบลงด้วยการสรุปโดยวีดิทัศน์ หรือสไลด์ประกอบเสียง โดยการสอบถาม แจกแบบสอบถาม แบบทดสอบ ทั้งนี้อยู่ที่ระยะเวลาที่เหลือ
การวัดและประเมินผล
การสอนแบบสาธิตส่วนใหญ่ผู้สอนหรือผู้สาธิตจะมีบทบาทในการประเมิน อาจจะโดยการสังเกต วิเคราะห์คำตอบว่าผู้เรียนเข้าใจหรือไม่เพียงใด แต่การประเมินที่ดีคือการให้ผู้เรียนได้ทำแบบทดสอบหรือแบบสอบถาม
ข้อดีและข้อจำกัด
ข้อดี
1) ทำให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรง
2) ทำให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายและจดจำเรื่องที่สาธิตได้นาน
3) ทำให้ผู้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
4) ทำให้ประหยัดเงินและประหยัดเวลา
5) ทำให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์
ข้อจำกัด
1) หากผู้เรียนมีจำนวนมากเกินไปก็อาจทำให้การสังเกตไม่ทั่วถึง
2) ถ้าผู้เรียนเตรียมการมาไม่ดีเมื่อเวลาสาธิตวนไปวนมาหรือสาธิตไม่ชัดเจนก็ทำให้ได้ผลไม่ดี
3) ถ้าการสาธิตนั้นเน้นที่ผู้สอนโดยผู้เรียนไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติเลย ผู้เรียนก็อาจจะได้ประสบการณ์น้อย
4) บางครั้งการสาธิตที่เยิ่นเย้อก็ทำให้เสียเวลา
อ้างอิง
ทิศนา แขมณี. (2551).ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดการกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิธีการสอนโดยใช้การสาธิต (Demonstration Method) เผยแพร่ทางhttp://www.webobjects- design.com/ISD/index.php?option=com_content&task=view&id=40&Itemid=32